วันพฤหัสบดีที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2551

สัญญาณเตือนให้รู้ว่า........คุณโสดนานเกินไปแล้ว



คุณเริ่ม รู้สึกว่าตัวเองเป็นโสดนานเกินไปแล้วรึยัง? หากท่านใดไม่แน่ใจว่าตัวเองเป็นงี้ไหม งั้นมามะ มาดูสิว่า มีสัญญาณเตือนให้รู้ว่า คุณเป็นโสดนานไปแล้วนะ ดังนี้......
1. ขาดความมั่นใจในตัวเองเวลาอยู่ท่ามกลางเพศตรงข้ามบ้างมั้ย ?เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณเดินผ่านหรือหลุดเข้าไปอยู่ในดงที่มีคนหน้าตาดี๊ดี แถมสามารถทำให้หัวใจดวงน้อยๆของคุณสั่นไหวได้ละก็ แทนที่คุณจะเข้าไปตีซี้ ทำความรู้จักเพื่อสานต่อความสัมพันธ์ด้วย แต่เปล่าเลย คุณกลับเขินหลบหน้าหลบตา ไม่กล้าสู้หน้ากับ 'คนที่ควรชักชวนมารักกัน ' นี่แหละคือสัญญาณ อ.ต.ร. (อันตราย) ล่ะว่า คุณอยู่เป็นโสดนานจนไม่รู้ควรทำตัวอย่างไรกับ 'ว่าที่หวานใจ ' น่ะสิ
ทว่า คนที่ใจกล้าหน้าด้านปรี่เข้าไปจะฉกผัวเขา...เอ้ย ...ฉกคนที่คุณสนใจแต่เผอิญเค้าควงแฟนมาด้วย โดยไม่สนว่าคนนั้นชอบคุณด้วยรึเปล่า แถมไม่เกรงใจแฟนเค้าอีก ก็เป็นการกระทำที่ห้าว (และคงแห้ว) ไปนะ แค่มั่นใจในตัวเองระดับปานกลางพอแล้ว ไม่ควร ' มั่น' ซะจนทำอะไรห่ามๆร้อก
2. ติดนิสัยตามใจปาก เวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นๆเพราะอยู่ตัวคนเดียวมากไป ดังนั้น เวลาถูกชวนหรือคุณไปชวนใครทานอาหารก่อนก็เหอะ แต่พอถึงร้าน แทนที่คุณจะแสดงความสุภาพและให้ความสำคัญกับใครคนนั้น ด้วยการให้เค้าเป็นฝ่ายเลือกรายการอาหารที่จะสั่งก่อน หรือเทน้ำให้เค้าดื่ม ก่อนเทให้ตัวเอง แต่คุณสิ กลับไม่มีมารยาทเวลาอยู่บนโต๊ะอาหารเอาซะเลย แถมยังกินมูมมาม ชนิดไม่สนอิมเมจ (ภาพพจน์) ของตัวเองสักกะติ๊ด งั้นกลับไปติวมารยาทซะใหม่แล้วค่อยกลับมาลงสนามรักต่อ...ดีกว่านะ
3. มัวเอนจอยกับสัตว์ เลี้ยง หรืองานอดิเรก จนไม่สนที่จะมีแฟนเพราะลืมไปแล้วว่าจะบริหารเสน่ห์ของตัวเองยังไงให้ใครๆสนน่ะสิ เช่น ออกไปสังสรรค์ปาร์ตี้กับเพื่อนๆ ที่ครั้งนึงคุณเคยหมกตัวอยู่กับก๊วนจอมซี้เหล่านี้ แทนจับเจ่าอยู่กับเจ้าตูบแสนซื่อ และแมวจอมประจบแต่ในบ้าน หรือไม่งั้นก็ติดละครหลังข่าว , รายการแข่งขันประกวดร้องเพลงที่ฮิตจัดกันเหลือเกิน รวมทั้งหนังซีรีส์ทางเคเบิลทีวี จนไม่ยอมพลาดละก็ นี่แหละแสดงว่า เป็นโสดนานจนฝุ่นจับแล้วนะยะ

4. แม้จีบใครได้สักคน คุณก็แค่คิดว่าเป็นกิ๊กคลายเหงาเท่านั้น ไม่ได้คิดจริงจังอะไรด้วย ( เอ๊ะ หรืออีกฝ่ายไม่อยากจริงจังด้วยก็บอกมาซะดีๆ โธ่ทำแก้ตัวไปงั้น) ถึงออกลีลาจีบใครสักคนมาเป็นกิ๊ก ( ชนิดว่าชอบมากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่รัก) ได้ แต่คุณดันทำให้ ความสัมพันธ์ครั้งนี้เดินอยู่กะที่ซะงั้น ไม่ยอมพัฒนาความสัมพันธ์ให้ก้าวหน้ามากกว่าที่เป็นอยู่ ปัดโธ่ ขืนเป็น ' โสดไม่ยอมเปลี่ยนแปลง' นานๆเข้า คุณยิ่งไม่กระตือรือร้นเลื่อนฐานะจากกิ๊กมาเป็นแฟนกันให้รู้แล้วรู้แรด (แรดน่ะทำเป็นแต่แฟนเหรอ แปลว่าอะไรน้อ) จึงทำให้ไม่มีแฟนถาวร เป็นแค่กิ๊กประเภทอยากเจอก็โทร.ไปนัดมาพบ ถ้าอยากคุยก็คุยกันทางโทรศัพท์ แถมยังทำงี้กับเค้าในเวลาที่ตัวเองต้องการเท่านั้นซะด้วย โดยไม่สนเค้าอยากคุยด้วยรึเปล่า แต่จะตื๊อให้คุยมีไรป่ะ ไม่รู้จักเจ้าแม่ซะแล้ว
5. ติดเพื่อนเกินกว่าจะหาแฟนมาเป็น 'คนรู้ใจ' เคยชินกับการอยู่ท่ามกลางเพื่อนๆมาตลอดชีวิตนี่หว่า แล้วจะดิ้นรนหาแฟนไปทำมั้ย เวลาอยู่กะเพื่อน คุณทำอะไรก็ได้ ทำตัวสบายๆ ไม่ต้องเกร็ง ไม่ต้องเครียด ไม่ต้องเหนื่อยคอยประจบประแจงเอาใจใคร แหม้...ง่ายกว่าการอยู่กะแฟนตั้งเยอะ แถมอยู่กับเพื่อนยังไม่ต้องวางฟอร์มหรือเก๊กท่าด้วย
6. คบคนสะเปะสะปะ และสับสนระหว่างการคบแบบเป็นคู่รัก กับคบแบบแค่รู้จักน่ะต่างกันอย่างไร ? เอ้าจะให้แยกคนทั้งสองกลุ่มนี้ออกจากกันได้ไง ในเมื่อคุณอยู่คนเดียวมานานจนลืมไปแล้วว่า เวลาเจอ 'คนที่ใช่' แล้วจะทำให้เค้ารู้ว่า เค้าคือ ' หนึ่งเดียวคนนี้ของคุณ' ได้อย่างไร...นี่สิน่าคิด เคยเห็นคนโสดบางรายพอเจอใครที่ตัวเองติดตาต้องใจปุ๊บ พอผ่านด่านทำความรู้จักกันได้ แต่ก็กลับแป้ก ไม่ สามารถทำให้เค้ารู้ใจจริงของคุณสักทีก็มี จึงติดแหง็ก อยู่แค่การเป็นคนรู้จักนั่นแหละ ทั้งที่อีกฝ่ายเตรียมยินยอมพร้อมใจแล้วเชียวนะ เชอะยังบื้อใบ้อยู่ได้

วิธีการทำสเต็กให้อร่อย


สเต็กเป็นอาหารของชาวตะวันตก แต่ถ้าให้พูดกันจริงๆผมว่ามันเป็นอาหารของทุกชาติมากกว่า เพราะการนำเนื้อสัตว์มาย่างหรือทอดนี่ ทุกชาติทุกภาษาเขาทำกันมานานแล้วล่ะครับ เพียงแต่ส่วนประสม เครื่องเทศ วิธีทำให้สุกและกระบวนการหมักต่างกัน และเนื้อสัตว์ที่ใช้ก็ต่างกันไปด้วย สเต็ก มันมีหลายแบบครับ อย่างสเต็กแบบยุโรป เขาก็จะทานเนื้อกันอย่างเดียว อาจจะมีมันฝรั่งบดอยู่เล็กน้อย สเต็กแบบอเมริกันก็จะมีมันฝรั่งทอดให้แกล้ม สเต็กแบบบราซิเรี่ยนหรือแบบละตินก็จะมีผลไม้ให้ทานด้วย และสเต็กแบบตะวันออกกลางเขาทานคู่กับข้าวเลย ส่วนสลัดผักมักจะเป็นอาหารจานเสริมเข้ามาครับ ไม่ค่อยอยู่ร่วมกับจานหลัก เรามาดูถึงการเลือกเนื้อสัตว์ในการทำสเต็กกันครับว่าเราจะใช้เนื้ออะไรทำดี เนื้อสัตว์แต่ละชนิดจะใช้เวลาสุกแตกต่างกัน เช่น เนื้อแกะ เนื้อแพะ เนื้อหมู เนื้อไก่ จะใช้เวลาไกล้เคียงกันคือ ประมาณ 30 นาที สำหรับไฟปานกลาง 10-15 นาที สำหรับไฟแรง ครับ เนื้อปลา ใช้เวลาสุกประมาณ 10-15 นาที สำหรับไฟปานกลาง หรือ 5-10 นาที สำหรับไฟแรง ส่วนใหญ่ที่คุณๆเห็นเขานำเนื้อมาทำสเต็ก เขาจะให้ส่วนสันใน หรือสันนอกกัน อันเนื่องมาจากได้เนื้อที่นุ่มกว่าส่วนอื่น (ชึ่งอันนี้ผมเห็นว่ามันขึ้นอยู่กับการหมักและการทำให้กล้ามเนื้อมันฉีกขาดก่อนนำมาหมักซะมากกว่าครับ) เช่นสเต็กในสูตร ยุโรป แต่ผมมีสเต็กในสูตรอื่นๆครับที่ใช้เนื้อส่วนอื่นทำ เช่น สูตรบราซิเรี่ยน (ต้องแท้ๆนะครับ) จะใช้เนื้อส่วนสะโพก ส่วนหัวไหล่ เพราะจะได้ความรู้สึกของเนื้อจริงๆ ส่วนสเต็กของตะวันออกกลางก็ใช้เนื้อแพะ เนื้อแกะ เพราะมันเป็นสัตว์ที่ใช้กินเนื้อของเขา (น่านตอบแบบนี้ไม่ตอบดีกว่าไหม) แต่ถ้าสเต็กของชาวนิวซีแลนด์ ออสเตเรีย ก็จะเป็นพวกเปิบเนื้อพิสดารครับ เช่นเนื้อกวาง เนื้อจระเข้ เนื้อจิงโจ้ เนื่องจากสัตว์พวกนี้มีประมาณมากเลยนำมาทำเป็นอาหาร (ในสมัยก่อนนะครับ แต่ตอนนี้เขามีฟาร์มสำหรับเลี้ยงไว้เพื่อเป็นอาหารเลย) ต่อไปมาดูการแล่เนื้อ (เอาเกลือทา ฮาๆๆๆ) กันครับ ถ้าเป็นเนื้อส่วนสันในหรือสันนอกนี่ เนื้อที่เขาแล่มาแล้วจะเป็นแท่งๆครับ เราสามารถหั่นให้เป็นแว่นๆได้สบายๆ ความหนาของเนื้อที่เราหั่นควรจะมีความหนาอยู่ในช่วง 1-2 ซ.ม. ครับ ทำไมหรือครับ เพราะเนื้อจะได้สุกถึงข้างใน ใช้เวลาน้อย เครื่องเทศที่หมักจะซึมเข้าถึงไปทั่วไงล่ะครับ แต่ถ้าเป็นเนื้อสะโพก เนื้อหัวไหล่ เขาจะแล่มาเป็นก้อนๆครับ เราก็ใช้มีดหั่นตามที่ได้บอกไว้ข้างต้น แต่ที่สำคัญมีดในการหั่นต้องเป็นมีดที่เขาใช้แล่เนื้อและต้องมีความคมมากถึงจะทำให้เนื้อที่หั่นไม่เป็นริ้ว (แต่คนทางแถบอเมริกา อเมริกาใต้หรือคนทางตะวันออกกลางเขาจะเอาเนื้อมาเสียบไม้แล้วก็ย่างก่อนพอจะทานถึงจะหั่นออกมากินจะได้ไม่ลำบาก) เมื่อหั่นเนื้อแล้วก็จะมาทำการหมักกันแล้วครับ ส่วนใหญ่แล้วเครื่องเทศเครื่องปรุงจะมี พริกไทย เกลือ น้ำตาล น้ำมัน ซอสต่างๆ เครื่องเทศ (สำหรับบางสูตร) หัวหอม (สำหรับบางสูตร) กระเทียม (สำหรับบางสูตร) เป็นส่วนประกอบหลักๆครับ (คุณลองเลือกไปใช้ดู หรือ มั่วสูตรรวมเลยก็ได้นะครับ ตามถนัด) ส่วนการทำอย่างไรให้เนื้อนุ่ม มันก็มีอยู่หลายสูตรครับ บ้างก็ว่าให้ใส่นมเข้าไป บ้างก็ให้บีบมะนาว บ้างก็ใส่น้ำส้มสายชู ซึ่งมันก็ไม่ผิดครับ แต่ก่อนที่จะใส่ทั้งหมดนี่เข้าไป ผมขอให้คุณๆ ใช้ค้อนทุบเนื้อ หรือส้อม หรือมีด จิ้มเนื้อเข้าไปครับ ยิ่งพรุนยิ่งดี เพราะจะทำให้ส่วนประสมในการหมักซึมเข้าได้มากแล้วก็ได้เนื้อนุ่มๆด้วย เวลาในการหมักบ้างก็ว่า ครึ่งชั่วโมง พอแล้ว บ้างก็ว่า 2 ชั่วโมงกำลังดี บ้างก็ว่าค้างคืนนี่แหละดีสุด แต่ผมคิดว่ามันน่าจะขึ้นกับประมาณของส่วนประสมครับ ถ้าส่วนประสมในการหมักมาก ก็ใช้เวลาหมักน้อย และถ้าส่วนประสมในการหมักน้อยการหมักก็ใช้เวลานาน อันนี้คุณๆลองคำนวณดูนะครับ สำหรับผมคิดการหมักน่าจะอยู่ในช่วง 1-2 ชั่วโมงครับ ส่วนน้ำในการหมักที่เหลืออย่าเพิ่งทิ้งครับ นำมาต้มในข้นแล้วประสมกับน้ำมันที่ออกมาจากการที่เราย่างหรือทอดเนื้อจะได้รสชาดแบบอย่าบอกใครเชียว การย่างหรือทอด การย่างหรือทอดสเต็ก เป็นเรื่องสำคัญอยู่เหมือนกันครับ เพราะแต่ละคนย่อมชอบไม่เหมือนกัน บางคนก็ชอบสุกเต็มที่ บางคนก็ชอบแบบครึ่งๆกลางๆ บางคนก็ชอบแบบดิบๆ (น่ากลัว) นั้นขึ้นอยู่กับการตั้งไฟนะครับ ส่วนเราจะย่างหรือทอดอย่างไรให้อร่อย มันมีวิธี เช่นถ้าทอด ก็ใส่น้ำมันในกระทะ เล็กน้อย (เล็กน้อยจริงๆครับ เพราะด้วยน้ำมันจะเนื้อจะออกมาเอง) เวลาทอดก็ใช้ตะหลิว กดเนื้อให้แนบติดกับกระทะให้มากที่สุด (ไม่ต้องใช้แรงกดมากนะครับ เดี๋ยวเนื้อจะติดกระทะซะก่อน) เพื่อทำให้สุกถึงข้างใน พอสุกก็พลิกอีกด้านแล้วก็ทำเหมือนเดิมครับ ถ้าเป็นการย่างผมแนะนำให้ใช้เตาที่มีไฟให้เห็น (พวกเตาแก็สหรือเตาถ่านถ้ามีนะครับ อาหารย่างจะอร่อยมาก) และก็ใช้ไม้กดในเนื้อติดตะแกรง จะได้มีรอยไหม้ขึ้นมา และพยายามอย่าพลิกไปพลิกมานะครับ เพราะรอยที่ผมบอกมันจะมากเกินไป เดี๋ยวเนื้อจะไม่สวยเวลาทาน (ถ้าอยากให้รอยไหม้เป็นแบบตระข่ายก็ให้ย่างไปสัก 2-3 นาทีสำหรับไฟแรง แล้วให้หันเนื้อทำมุมสัก 45 องศาครับ คราวนี้ได้ตะข่ายติดเนื้อย่างสวยๆเป็นแน่ๆครับ) เอาล่ะครับก็ผ่านไปสำหรับเรื่องของสเต็กในหลายๆแบบ ผมหวังความคงจะได้อะไรดีๆไปใช้กันนะครับ ผมยังมีน้ำสลัดอร่อยๆในลักษณะที่แหลกแนวมาฝาก ก็ขอให้ติดตามกันไปแล้วกันนะครับ

วันศุกร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2551

เรื่องน่ารู้ กับการกำจัดไวรัส

วิธีการกำจัดไวรัส imagexx.zip (w32.MSN.worm)
ความจริงแล้วจะเรียกเจ้านี่ว่าไวรัสก็คงไม่ถูกนัก เนื่องจากความจริงแล้วมันเป็นหนอน (worm) ในระบบคอมพิวเตอร์ตัวหนึ่งครับ ติดไปก็ไม่มีอะไรมาก นอกจากจะก่อให้เกิดความรำคาญ แต่ในบางครั้งเจ้าหนอนตัวนี้อาจจะก่อให้เกิดความเสียหายให้กับ Windows เนื่องจากจะเข้าไปแก้ไจค่า registry ของเครื่อง (เข้าใจว่า เข้าไปเปลี่ยนทางให้เครื่องเรียกให้หนอนทำงาน แล้วหนอนก็ไปเรียก msn อีกที แทนที่จะเรียก msn โดยตรง) ความเสียหายอยู่ในระดับที่ใหญ่หลวงนัก หากท่านใช้ msn เป็นโปรแกรมหากิน ความจริงแล้วเราจะไม่ติดเลยนะครับ หาเราสังเกตุข้อความ หรือว่าไฟล์ดีๆ ฟังก์ชันที่ให้รับไฟล์อัตโนมัติของ plus! ก็ปิดซะ จะส่งไฟล์ที่ก็บอกเพื่อนก่อน นัดแนะกันให้เข้าใจก่อน จะได้ไม่พลาดท่าเสียที่เจ้าหนอนตัวนี้เข้าหนทางรอดมีอยู่หลายทางครับ เริ่มจากทางที่ขุรขระหน่อยแล้วกันวิธีแรก เป็นวิธีเดิมๆ ที่แก้จากต้นเหตุด้วยมือผู้ใช้เอง ความจริงก็มีมานานแล้วแต่ไม่ค่อยมีใครสนใจอ่านกันซักเท่าไหร่ เริ่มด้วย
กด 3 ปุ่มมหัศจรรย์ (ctrl + alt + delete) เรียก task manager ขึ้นมา
หาโปรเซสที่ชื่อว่า winlog32.exe ในแทปโปรเซส ถ้ามีก็ปิดมันไปซะครับ (ถ้าไม่มีก็อย่าพึ่งปลาบปลืมไป เพราะว่านั่นเป็นเพราะเรายังไมได้เปิด msn ขึ้นมาทำมาหากิน)
กด Start -> Run (ปุ่ม Windows + R) พิมพ์ msconfig
ที่ Start up หาคำว่า Winlog32.exe เอาเครื่องหมายถูกออก OK ยังไม่ต้องรีสตาร์ท
หาไฟล์ที่ชื่อ winlog32.* ในเครื่อง แล้วลบออกให้หมด แล้ว restart เป็นอันเสร็จ
วิธีนี้แนะนำให้ทำให้ safe mode แต่ว่าจะทำใน mode ปกติก็ไม่ว่ากันวิธีที่สอง เป็นวิธีที่สะดวกหน่อย สำหรับคนที่ไม่อยากทำอะไรแบบข้างบนมาก เพียงแต่ต้องโหลดโปรแกรมมาช่วย
โหลดโปรแกรมนี้มาก่อน อันใดอันหนึ่งหรือว่าทั้งสองไฟล์เลยก็ได้เพื่อความชัวร์
msn_worm_killer
MSNWin32-IRCBot.zip
กระจายไฟล์ไปยังที่ชอบๆ จะพบกับไฟล์โปรแกรมด้านในจัดการ ดับเบิ้ลคลิ้กแล้ว OKๆ Nextๆ ไป โปรแกรมก็จะบอกว่าทำงานเสร็จแล้ว เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จ
สุดท้ายก็ Restart เครื่องซักรอบ เอาฤกษ์ เอาชัย เท่านี้เจ้าหนอนตัวนี้ก็จะหายหน้าหายตาไปแล้ว


ขอขอบคุณบทความที่น่ารู้นี้ จาก
sitdh.blogspot.com

วันศุกร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2551

ข้อคิดอาหารชีวจิต

อาหารแนวชีวจิต

ชีวจิต คือ เป็นวิถีการดำรงชีวิตและการบริโภคที่เน้นความเป็นธรรมชาติ มีพื้นฐานมาจากวิถีชีวิตแบบแมคโครไบโอติค ซึ่งมีการดัดแปลงให้สอดคล้องกับความเป็นอยู่แบบไทยๆ อาหารชีวจิต เป็นการบริโภคพืชผัก ธัญพืชไม่ขัดสี ผักผลไม้สดตามฤดูกาลไม่ผ่านการปรุงแต่งพืชหัวไม่ปอกเปลือก ดื่มน้ำสะอาดและชาสมุนไพรหรือน้ำผลไม้ งดเนื้อสัตว์ทุกชนิด ยกเว้นปลาและอาหารทะเลบริโภคได้เป็นครั้งคราว งดน้ำตาลฟอกขาว กะทิ นม และไข่ การดำรงชีวิต อยู่ในที่อากาศบริสุทธิ์ไม่แออัด มีชีวิตเรียบง่าย ออกกำลังกายสม่ำเสมอ มีชีวิตที่ยัดธรรมชาติเป็นหลัก มีการฝึกสมาธิเป็นประจำ โดยภาพรวมแล้ว การปฏิบัติตามแนวชีวจิตจะมุ่งเน้นความมีสุขภาพดีทั้งกายและใจ และเข้าใกล้ธรรมชาติมากที่สุด


อาหารชีวจิต มีการแบ่งสัดส่วนของอาหารกลุ่มต่าง ๆ
อาหารประเภทข้าว - แป้งไม่ขัดสี ร้อยละ 50 ในกลุ่มนี้นอกจากจะให้คาร์โบไฮเดรตซึ่งเป็นสาร อาหารหลักแล้ว ยังให้ใยอาหาร วิตามินและแร่ธาตุมากกว่าการกินข้าวขัดสี


กลุ่มผัก มีการแนะนำให้กินผักในสัดส่วนร้อยละ 25 และเป็นผักสดกับผักสุกอย่างละครึ่ง

กลุ่มถั่ว ซึ่งให้โปรตีนเป็นหลัก กลุ่มนี้ก็เหมือนกับอาหารมังสวิรัติ แมคโครไบโอติคและเจคือได้ โปรตีนจากถั่วเหลือง ถั่วแดง ถั่วดำ ถั่วลิสง และผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง เช่น เต้าหู้อาหารในกลุ่มนี้แนะนำให้ บริโภคในสัดส่วนร้อยละ 15 อาหารโปรตีนได้เสริมจากปลาและอาหารทะเล สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เป็นการเสริมคุณภาพโปรตีนที่ได้จากพืช และเป็นแหล่งไอโอดีนด้วย


อาหารอื่น ๆ เช่น ผลไม้ เมล็ดพืช เช่น เมล็ดทานตะวัน เมล็ดฟักทอง งา แนะนำให้บริโภคร้อยละ 10 อาหารที่แนะนำให้งด ได้แก่ เนื้อสัตว์ (ยกเว้นปลา และอาหารทะเล) ไข่ นม เนย กะทิ ธัญพืชและแป้งขัดขาวทุกชนิดรวมถึงขนมหวานต่าง ๆ